ปลัด ศธ. เปิดประชุม “ศธ.สัญจร จังหวัดสุราษฎร์ธานี - krutom.page::เว็บไซต์เพื่อการศึกษาของครูษิญาภาใช้สำหรับการจัดการเรียนการสอนแบบ Online และ On Demand
google.com, pub-5443235059038030, DIRECT, f08c47fec0942fa0
สวัสดีปีเสือ พ.ศ. 2565... เว็บไซต์ของครูษิญาภา รัตนะธนโชค

ข่าวล่าสุด

พื้นที่โฆษณา

Post Top Ad

พื้นที่โฆษณา

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565

ปลัด ศธ. เปิดประชุม “ศธ.สัญจร จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 


ปลัด ศธ. “สุภัทร จำปาทอง” เปิดประชุมโครงการกระทรวงศึกษาธิการ สัญจร จ.สุราษฎร์ธานี ย้ำทุกพื้นที่เป็น “พื้นที่การเรียนรู้” ของ ศธ. พร้อมรับโจทย์จากพื้นที่ไปสู่แนวทางปฏิบัติในพื้นที่ระดับภาคและจังหวัด เผยเปิดเรียนปีการศึกษา 2565 เตรียมปรับ Social Distancing ในห้องเรียน จากเดิม 5 เมตร เหลือ 1 เมตร แต่ยังเคร่งครัดให้ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน

รับชมภาพการประชุม Facebook ศธ.360 องศา

25 มีนาคม 2565 – นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการ “กระทรวงศึกษาธิการ สัญจร จังหวัดสุราษฎร์ธานี” โดยมีรองปลัด ศธ., ผู้ตรวจราชการ ศธ., ศึกษาธิการภาค 5-7, ศึกษาธิการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ และผู้บริหารส่วนกลางของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม โดยนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ ณ โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัด ศธ. กล่าวรายงานว่า โครงการกระทรวงศึกษาธิการสัญจร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2565 ณ โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา และโรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอเกาะสมุย เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาไปสู่การปฏิบัติ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รองรับการขับเคลื่อนการศึกษา เป็นไปในทิศทางการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับบริบทความต้องการของพื้นที่ พร้อมรับฟังความคิดเห็นตามนโยบาย แนวทาง ปัญหาอุปสรรค การนำแนวทางไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ระดับภาคและจังหวัด ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายผู้บริหาร และหน่วยงานทางการศึกษาส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

โดยมอบหมายให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศึกษาธิการภาค 5-7 และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม โดยกิจกรรมในโครงการ แบ่งเป็น

  • วันที่ 24 มีนาคม 2565 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาจำนวน 6 แห่ง ได้แก่
    – โรงเรียนวัดภูเขาทอง สังกัด สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 1
    – ศูนย์ กศน.ตำบลอ่างทอง สังกัด กศน.อำเภอเกาะสมุย
    – โรงเรียนเกาะสมุย สังกัด สพม.สุราษฎร์ธานี ชุมพร
    – วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ สังกัด สอศ.
    – โรงเรียนบ้านหน้าค่าย สังกัด สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 1
    – โรงเรียนนานาชาติวินฟิลด์ สังกัด สช. และเป็นโรงเรียนในกำกับของสำนักงาน ศธจ.สุราษฎร์ธานี
  • วันที่ 25-26 มีนาคม 2565 เป็นการจัดประชุมโครงการกระทรวงศึกษาธิการสัญจร ซึ่งมีนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นการบูรณาการของหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่ระดับภาคและจังหวัด

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. กล่าวในการบรรยายพิเศษตอนหนึ่งว่า โครงการกระทรวงศึกษาธิการสัญจร ไม่ได้เป็นเพียงการจัดประชุมนอกสถานที่เท่านั้น แต่ถือว่าพื้นที่แต่ละแห่งที่ไปสัญจร ล้วนเป็น “พื้นที่การเรียนรู้” เนื่องจากความมุ่งหมายหลัก คือ ความแตกต่าง ความหลากหลาย ความเชี่ยวชาญ และความรู้เฉพาะด้าน ของผู้บริหารและบุคลากรแต่ละพื้นที่ ได้นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยที่ผ่านมาโครงการฯ ได้รับโจทย์จากพื้นที่ แล้วนำกลับไปพัฒนานโยบาย กิจกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาการทำงานของ ศธ. ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ขอขอบคุณการทำงานของทุกคนในพื้นที่ ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ผู้ปกครอง และผู้เรียน ได้เห็นสถานศึกษามุ่งมั่นดูแลนักเรียน ให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะรูปแบบการศึกษาทางไกลที่อาจจะยังไม่ถนัด แต่ก็ได้พยายามทำอย่างสุดความสามารถ ขอให้ภูมิใจว่าทุกท่านเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเหลือ ศธ. ให้เกิดคุณภาพการศึกษาสู่ตัวผู้เรียนอย่างที่ตั้งใจ

ปลัด ศธ. กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีโอกาสหารือกับ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เกี่ยวกับการเตรียมตัวเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2565 เพื่อช่วยให้การทำงานของ ศธ. ดีขึ้น เกี่ยวกับเรื่อง Social Distancing ในห้องเรียน ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 5 เมตร ได้มีแนวทางจะปรับเป็น 1 เมตร โดยที่นักเรียนทุกคนต้องเคร่งครัดในการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือตลอดเวลา และสร้างพฤติกรรมใหม่เพื่อสุขอนามัยที่ดี จะทำให้ปีการศึกษา 2565 สถานศึกษาสามารถจัดการทางกายภาพได้ดียิ่งขึ้น และขอฝากย้ำในกรณีเด็กติดเชื้อ Covid-19 ในสถานศึกษา ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนเตรียมไว้แล้วว่า จะมีกระบวนการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อผู้ปกครองและสังคม

โอกาสนี้ ปลัด ศธ. ได้มอบชุดอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา โรงเรียนวัดภูเขาทอง และโรงเรียนบ้านหน้าค่าย เพื่อนำไปให้นักเรียนใช้ประโยชน์ด้านการกีฬา จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยปลัด ศธ., รองปลัด ศธ., ผู้ตรวจราชการ ศธ. และคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้าของสถานศึกษาทุกสังกัด ซึ่งนำมาจัดแสดงหน้าหอประชุมโรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา.

ปลัด ศธ. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติม ในประเด็นการขับเคลื่อน “พาน้องกลับมาเรียน” และ “SAFE สถานศึกษาปลอดภัย” ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวตรีนุช เทียนทอง)

ปลัด ศธ. กล่าวถึง “โครงการปักหมุด” ตามนโยบายพาน้องกลับมาเรียน เมื่อพิจารณาหลักฐานภาคเรียนที่ผ่านมา ศธ.ได้มีการติดตามเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา 2.3 แสนคน สามารถติดตามได้แล้วประมาณ 110,000 คน ยังเหลืออีก 120,000 คน สาเหตุอันดับแรกคือ สภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัวและความเป็นอยู่ บางจังหวัดแม้แต่ที่อยู่อาศัย บ้านพักที่ไม่เอื้ออำนวย ย่อมส่งผลกระทบต่อการเรียน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้การช่วยเหลือด้วยการซ่อมแซมบ้านพัก และจากการติดตามเด็กที่หายจากการเรียน อาจจะไม่ได้นำเข้าสู่การเรียนในระบบ แต่จะเป็นการเรียน กศน. ซึ่งมีความแตกต่างจากการเรียนในระบบ คือเป็นการเรียนแบบผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ และต้องทำงานไปด้วย

อีกเรื่องที่สำคัญของโครงการปักหมุด ซึ่งสำนักงาน กศน. นอกจากจะดูแลนักเรียนที่หายไปแล้ว ยังได้ให้การช่วยเหลือกลุ่มนักเรียนพิการ หรือกลุ่มที่ประสบปัญหาทางด้านร่างกายด้วย เช่น ช่วยเหลือในด้านการเดินทาง หรือบางส่วนมาจากทัศนคติของครอบครัวที่ไม่อยากให้ลูกหลานของตนออกมาลำบาก กศน.ได้ช่วยเหลือด้านทักษะในการใช้ชีวิต ทักษะการประกอบอาชีพ เพื่อให้ยืนด้วยตัวเองได้ ในขณะที่สำนักงาน กศน. ได้รายงานว่า สามารถติดตามนักเรียนได้จนครบทุกคนแล้ว จึงอธิบายได้ว่าเด็ก ๆ ทุกคนจะไม่หลุดจากระบบการศึกษา และในบางข้อจำกัด เช่น ผู้ติดการเกณฑ์ทหาร ก็จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนด้วย

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่จะฝากเน้นย้ำ คือนโยบาย “SAFE สถานศึกษาปลอดภัย” เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ไม่เพียงแค่เรื่องการแพร่ระบาดของโควิด 19 เท่านั้น แต่เราจะเห็นว่า มักมีประเด็นในเรื่องครูตีเด็ก ครูตัดผมเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสม

สุดท้าย ฝากถึงสถานศึกษาทุกแห่ง ขอให้เตรียมความพร้อมและปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง หรือการเตรียมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน และขอเชิญชวนผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนโควิด 19 เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวและบุตรหลานของท่าน

ที่มา: ศธ.360 องศา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

พื้นที่โฆษณา